ท่องเที่ยวเมืองคุมาโนโตะและสวนซุยเซนจิที่ญี่ปุ่น

เราได้ขับรถมายังที่โรงแรมที่ได้จองเอาไว้ในเมืองอะโซะซึ่งได้เป็นที่พักแบบเรียวกังหรือที่พักแบบดั้งเดิมของณี่ปุ่นเราได้เช่าจักรยานของโรงแรมแล้วได้ปั่นชมรอบๆเมืองในยามเย็น ซึ่งพบเห็นผู้คนได้บางตาแต่จะพบเห็นบ้านเรือนในสไตล์ดั้งเดิมซึ่งมันได้เป็นสิ่งที่ทำให้เมืองนี้ดูคลาสสิคและเรียบง่ายคล้ายกับในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเคยได้อ่านอากาศที่หนาวเหน็บกับจังหวะชีวิตที่เชื่องช้าในเขตบ้านนอกของญี่ปุ่นกับช่วงชีวิตที่การเดินทางเป็นจุดนำสายตา

เพื่อเคี่ยวเหตุการณ์แลละประสบการณ์ชีวิตภายในใจให้พ้นข้อสงสัยไปพร้อมกับจุดยื่นที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่การเดินทางของเรานั้นไม่ควรหยุดลงในช่วงวัยที่ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัยของชีวิตแดดส่องผ่านเข้ามาในม่านสีขาวเข้ามาภายในห้องก่อนที่เราจะได้รู้สึกตัวว่าเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกควันเราได้ออกเดินทางต่อเพื่อที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองคุมาโนโตะโดยจะค่อยๆห่างจากภูเขาไฟอะโซะมาทีละน้อยต้องขอบคุณการอำนวยความสะดวกในการเดินทางจากการท่องเที่ยวคิวชูที่นำรถที่เช่าไปคืนให้และขับรถมาส่งเรายังเมืองคุมาโมโตะ

ซึ่งมีหมีที่หน้าคุ้นตาทุกคนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้และที่หน้าตื่นเต้นคือชุดยูกาตะที่ทางเมืองคุมาโมโตะได้จัดไว้ให้จนมันทำให้เราได้สวมวิญญาญซามูไรในเช้านี้ไปหนึ่งวันก่อนที่จะได้ไปเดินเล่นในสวนซุยเซนจิที่ห่างจากร้านซุตยูกกาตะไม่ไกลสวยซุนเซนจิแห่งนี้เป็นสวนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองคุมาโมโตะการที่เราได้ใส่ชุดยูกาตะมาเดินเล่นในสถานที่แห่งนี้

ถ้าไม่นับความรู้สึกที่ทำให้ดูเขินๆแต่ก็ได้ฟิลไปอีกแบบคงจะทำให้ดูกลมกลืนไปกับสถาปัตย์ในสถานที่แห่งนี้มากขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราได้หัวเราะและท่องไว้ในหัวเสมอเราได้ออกจากสวนและคืนชุดก่อนที่เราจะเดินไปยังรูปปั่นลูฟี่ที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองคุมาโมโตะเพราะอาจารย์ เออิจิโระ โอดะ ผู้เขียนเรื่องวันพีซก็เป็นคนที่เกิดในเมืองคุมทาโมโตะ

ซึ่งเมื่อครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมืองคุมาโมโตะในปีค.ศ.2559 อาจารย์ เออิจิโระ โอดะ ได้บริจากเงินให้กับชาวเมืองคุมาโมโตะเพื่อที่จะได้ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า237ล้านบอทฝ่ามือของอาจารย์ เออิจิโระ โอดะที่ประทับอยู่ในรูปปั่นของลูฟี่นั้นจึงมีนัยะสำคัญในการฟื้นฟูเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สูตร บาคาร่า next88