คลังเก็บป้ายกำกับ: แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว

น้ำตกแหล่งธรรมชาติที่เอาไว้คลายร้อน

น้ำตกถือได้ว่าเป็นแหล่งธรรมชาติและยังเป็นสถานที่พักผ่อน ด้วยการพักผ่อนนั้นสามารถมาได้ทั้งคนเดียวกับเพื่อนและก็ครอบครัว น้ำตกถือได้ว่าเป็นน้ำที่มีความเย็นเพราะมันไหลมาจากธรรมชาติ เราจะเห็นได้ว่าน้ำตกนั้นคือทางเลือกอีกทางหนึ่งของใครต่อใครที่ต้องการอยากจะเที่ยว และนอกจากนั้นน้ำตกยังคือแหล่งธรรมชาติที่ถือได้ว่าหากคุณได้มาเที่ยวแล้วจะดื่มดั่มกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

สำหรับท่านใดหากมีความต้องการที่จะคลายเครียด เราแนะนำว่าให้มาน้ำตกน่าจะดีกว่า น้ำตกนั้นก็คือน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ซึ่งมันพูดขึ้นตามธรรมชาติบนภูเขาและไหลลงมาประจบกันตามสายธารน้ำจึงก่อให้เกิดเป็นน้ำตก และสายธารน้ำนี้หรือน้ำตกนี้ก็จะมีความเย็นฉ่ำเพราะว่ามันได้ไหลผ่านขดหินและดินซึ่งอยู่บนภูเขาที่เปี่ยมไปด้วยต้นไม้ธรรมชาติจึงทำให้น้ำนั้นเย็นเหมาะแก่การเล่นน้ำเพราะจะทำให้คุณรู้สึกสบายและสดชื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์

หากท่านใดที่สนใจจะเที่ยวน้ำตกนั้นมีแนะนำให้ท่องเที่ยวอยู่ 2 แบบด้วยกันนั่นก็คือ

การเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ

สำหรับการเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับนั้นถือได้ว่ามาเล่นเอาบรรยากาศแบบธรรมดาแล้วก็ดื่มด่ำธรรมชาติซึ่งในกลางวันนั้นคุณอาจจะทำอาหารหรือนำอาหารเข้ามาทานพร้อมกับเล่นน้ำไปด้วยแบบชิวๆก็ได้เช่นกันคนส่วนใหญ่ที่จะมาน้ำตกนั้นพวกเขามักจะนำอาหารมาทานกันที่น้ำตกโดยมากแล้วก็จะเป็นส้มตำไก่ย่างเพราะอาหารเหล่านี้เหมาะแก่การเล่นน้ำและถือได้ว่าเป็นอาหารที่กินง่ายๆไม่ยุ่งยากเท่าไหร่นัก

การมาเที่ยวอย่างนี้คุณสามารถเข้าไปสถานที่เพื่อจับจองที่นั่งข้างริมน้ำตกได้ทันทีโดยบางสถานที่อาจจะมีการเก็บค่าดูแลสถานที่แต่นั่นก็ไม่ได้แพงมากมายนักน่าจะอยู่ราวๆประมาณ 20-30 บาทนอกจากนั้นบริเวณรอบข้างก็มีอาหารขายให้ด้วยนะไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มหรือของกินต่างๆนานาก็จะมีให้ท่านเหมือนกันสำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกที่จะนำอาหารไปทำทานเองก็สามารถไปหาซื้อได้ที่นั่น

การเที่ยวแบบนอนค้างคืน

สำหรับวิธีการเที่ยวแบบนอนค้างคืนนั้นไม่ยากเลยค่ะเพียงแค่คุณจับจองที่พักไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทหรือที่พักต่างๆที่ชาวบ้านมีไว้ให้สำหรับเช่าพักค้างคืนส่วนใหญ่แล้วจะมีการรีวิวหรือการแนะนำจากเพจต่างๆสำหรับการท่องเที่ยวดังนั้นไม่เป็นเรื่องยากเลยหากคุณจะมีการสอบถามสถานที่เหล่านั้นว่ามีห้องพักให้คุณเช่าหรือเปล่าสำหรับคืนเหล่านั้นโดยคุณสามารถจองล่วงหน้าหรือวางแผนล่วงหน้าได้นั่นเอง

ของฝากน่าซื้อเมื่อมาเที่ยวที่โกเบประเทศญี่ปุ่น

โอซาก้า เกียวโต และ โกเบ หนึ่งในแพลนทริปที่ใครหลายๆคนที่มาลงเครื่องบินที่สนามบินคันไซ มักจะไปเที่ยวที่  3 เมืองนี้กัน โอซาก้านั้นขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งช้อปปิ้งอันใหญ่โตและอาหารถิ่นที่แสนอร่อย เกียวโตนั้นก็ขึ้นชื่อในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แล้วโกเบนั้นของที่ขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้นเนื้อโกเบอันโด่งดัง

ที่ใครไปที่เมืองนี้เป็นต้องลองทุกราย แล้วนอกจากเนื้อโกเบแล้วนั้นที่โกเบมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง มีของฝากน่าซื้อกลับมาไหม ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำของฝากน่าซื้อจากเมืองโกเบกันค่ะ

  1. ซาลาเปาดำไส้หมู (Black Butaman) ในเมืองโกเบนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างไชน่าทาวน์อยู่ และที่นี่นั้นมีของขึ้นชื่ออย่างซาลาเปาไส้หมูอยู่ค่ะ โดยเฉพาะซาลาเปาดำไส้หมูค่ะ โดยสีดำของแป้งนั้นทำมาจากหมึกของปลาหมึก ส่วนตัวไส้นั้นชุ่มฉ่ำไปด้วยเนื้อหมูและกะหล่ำปลีค่ะ ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะดูแปลกๆแต่เป็นของฝากที่อร่อยมากๆค่ะ
  2. โกเบฟรานซ์ โนะ มะโฮพุดดิ้ง (Kobe Frantz’s Magical Jar Pudding) ของฝากที่เป็นที่นิยมอย่างมากของเมืองโกเบ ด้วยส่วนผสมของเฮวี่ครีมและพุดดิ้งที่ผสานกันอย่างลงตัว เมื่อได้ทานเข้าไปในปากแล้วพุดดิ้งจะละลายไปในปาก อร่อยสมชื่อกับที่ได้รับรางวัล ชนะเลิศจาก the Monde Selection ในปี 2015 เลยล่ะค่ะ
  3. อาคาชิวิสกี้ (Akashi Whiskey) เป็นของฝากที่เราขอแนะนำให้กับเหล่าสายดื่มทั้งหลายค่ะ อาคาชิวิสกี้นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในเมืองโกเบ ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบเดียวกับอาคาชิสาเกและยังใช้ถังบ่มจากไม้โอ๊คเชอร์รีจากอเมริกาและถังบ่มบูร์บองค่ะ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มและหอม จะซื้อกลับไปฝากก็ดีหรือจะซื้อเก็บไว้ดื่มเองก็ไม่เลวเหมือนกันค่ะ
  4. คาวาระเซนเบ้ (Kawara Senbei) เป็นขนมที่มีมาอย่างยาวนานของเมืองโกเบ และยังใช้วิธีทำมือแบบดั้งเดิม มีส่วนผสมจากไข่ น้ำตาล และข้าวสาลี ได้รับความนิยมและชื่นชอบในเรื่องรสสัมผัสของความกรอบที่อร่อยอย่างมาก และไม่หวานจนเกินไป โดยตัวขนมมีรูปทรงของกระเบื้องหลังคามาจากคำว่าคาวาระเลยล่ะค่ะ
  5. เดนมาร์กชีสเค้ก (Denmark Cheesecake) ของฝากสุดฮิตและได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สามารถหาซื้อได้ตามสถานี้รถไฟ JR Shin Kobe จากร้าน Kannonya ค่ะ โดยเดนมาร์กชีสเค้กนี้มีความพิเศษอยู่ที่ก่อนทานนั้นต้องนำไปอุ่นร้อนให้ชีสละลายเยิ้มๆค่ะ คุณจะได้รสชาติของชีสเข้าไปแบบเต็มๆทั้งเข้มข้นและอร่อยอย่างมาเลยล่ะค่ะ

อุทยานแห่งชาติหินเขางูที่จังหวัดราชบุรี

        หากใครที่ไปท่องเที่ยวที่จังหวัดราชบุรีแล้วก็ไม่ควรที่จะพลาดอย่างยิ่งที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวอุทยานหินเขางูบอกได้เลยว่าที่นี่เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เราสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวหรือจะนั่งรถประจำทางไปก็ได้จะอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลาโดยสามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 8:00 นจนถึง 18:00 นของทุกวัน

โดยไม่เสียค่าบริการในการเข้าไปเยี่ยมชมที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามทางธรรมชาติโดยมีปากเขาลำเนาไพรเป็นฉากให้เราสามารถที่จะถ่ายรูปสวยๆไปลง Facebook เพื่อนๆที่สำคัญที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดทุกฤดูกาลแต่ที่เหมาะจะมาเที่ยวมากที่สุดเลยก็คือฤดูฝนและฤดูหนาวจะทำให้ได้รับบรรยากาศที่ร่มเย็นหรือร้อนนั้นก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้เช่นเดียวกันแต่เหมาะจะมาช่วงตอนเย็นมากกว่า

เพราะอากาศจะดีกว่าในช่วงเวลากลางวันนั้นอากาศจะค่อนข้างร้อนจัดและสำหรับที่อุทยานแห่งชาติหินเขางูนี้ไม่ได้เกิดจากว่ามีงูเยอะแล้วถูกมาตั้งเป็นชื่อนะคะแต่ที่นี่จะมีการนำเสนอความสวยงามของภูเขาซึ่งแต่เดิมนั้นที่นี่เป็นภูเขาขนาดใหญ่และเคยเป็นที่ทางภาครัฐมีการระเบิดหินเพื่อนำเอาหินมาใช้งานหลังจากที่มีการระเบิดหิน ชาวบ้านเห็นว่าค่อนข้างทรุดโทรมมากแล้ว

จึงได้มีการติดต่อภาครัฐขอให้ทำการยกเลิกสัมปทานที่นี่เนื่องจากว่าสภาพที่นี่ส่งเป็นอย่างมากหลังจากนั้นเมื่อหมดสัมปทานไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดและประชาชนต่างก็พากันรวมใจสั่งที่นี่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวเพื่อชมความงามของถ้ำรวมถึงยังเป็นสถานที่ที่เรามากราบไหว้พระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ได้อีกด้วยสำหรับที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีการยิงแสงเลเซอร์เป็นรูปร่างของพระพุทธรูปขึ้น

ไปอยู่บนหน้าผานอกเหนือจากที่เราเห็นที่พัทยาและตลอดสองข้างทางเราจะสามารถมองเห็นแนวป่าไม้อันร่มรื่นๆรวมถึงภูเขาสีสวยการเดินทางที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่สร้างเป็นสะพานคดโค้งรอบเขาให้เราเดินชมความงามไปเรื่อยๆซึ่งตรงสะพานที่มีการสร้างโค้งงอตามรูปทรงของภูเขานี่เองที่เปรียบเสมือนกับงูจึงทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่าหินเขางูและในช่วงบ่ายๆเย็นๆนักท่องเที่ยวก็ยังจะสามารถเห็นฝูงลิงที่จะลงมาจากภูเขามาเดินเที่ยวเล่นอยู่ตามริมถนนนักท่องเที่ยวที่ชอบส่งความงามศิลปะสมัยโบราณก็สามารถเดินทางมาที่นี่

ได้เพราะมีพระพุทธรูปหลายรูปที่เป็นพระพุทธรูปที่สร้างตั้งแต่สมัยทราวดีซึ่งจะถูกสร้างเก็บเอาไว้ในถ้ำต่างๆซึ่งที่นี่มีมากมายหลายท่านแต่ละท่านก็อยู่ใกล้ๆกันสามารถเดินทางไปเที่ยวภายในวันเดียวได้ยกตัวอย่างคำที่มีอยู่ที่นี่ก็คือทำจีนจาม   ถ้ำฝาโถ    และถ้ำฤาษี    แต่ละถ้ำก็มีความสำคัญแตกต่างกันออกไปหากใครมีเวลาก็สามารถเดินทางมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติหินเขางูนี้ได้ที่นี่เหมาะทั้งเป็นสถานที่ถ่ายรูปและอออกกำลังกาย

อาหารที่ควรกินเมื่อไปเที่ยวที่ประเทศอินเดีย

“นมัสเต” คำทักทายสวัสดีกันในภาษาอินเดีย เมื่อพูดถึงประเทศอินเดียแล้วนั้นทุกคนนึกถึงอะไรกันบ้างคะ บางคนอาจจะนึกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่าง ทัชมาฮาล บ้างก็อาจจะนึกถึงผ้าส่าหรีแสนสวย

บ้างก็นึกถึงเครื่องเทศนานาชนิด และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือสตรีทฟู๊ดส์และอาหารอร่อยต่างๆที่หลายๆคนมักจะนึกถึงใช่ไหมล่ะคะ และใช่แล้วค่ะเมื่อพูดถึงอินเดียแล้วนั้นอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกมาเยือนที่ประเทศแห่งนี้

ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำอาหารที่ยังไงก็ควรกินเมื่อไปเที่ยวที่อินเดียค่ะ มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

1.ปานิปูรี (Pani Puri) เป็นอาหารว่างสำหรับเรียกน้ำย่อยชิ้นพอดีคำ โดยอาหารชนิดนี้จะเป็นอาหารมังสวิรัติค่ะ เป็นแป้งสาลีก้อนกลมกดให้แบนแล้วนำไปทอดจนพองตัวกรุบกรอบ จากนั้นจะเจาะรูตรงกลางใส่ไส้ด้วยมันฝรั่งบด ถั่วลูกไก่ หัวหอม เครื่องเทศ พริก และน้ำซอสรสออกหวานจนเต็มชิ้นปานิปูริ 

  1. คีม่า (Keema) คือแกงกะหรี่เนื้อวัวบดรสชาติกลมกล่อมหอมอร่อยหอมเครื่องเทศ ในแกงกะหรี่จะประกอบไปด้วย ถั่วลันเตา กระเทียม หัวหอม พริก แล้วก็ขิงค่ะ จริงแล้วคีม่าบางร้านอาจจะใช้เป็นเนื้อแพะ หรือ เนื้อแกะ แทนเนื้อวัวก็มีค่ะ
  2. จาฏ (Chaat) เป็นอาหารทานเล่นที่หาได้ตามสตรีทฟู๊ดส์ เป็นอาหารที่เป็นที่นิยมของชาวอินเดียค่ะ โดยจาฏคือขนมปัง หรือ มันฝรั่งทอดที่ราดด้วยพริก โยเกิร์ต ถั่วลูกไก่ ซอสมะขาม ขิง และเครื่องเทศชนิดต่างๆค่ะ รสชาติจะออกเปรี้ยว หวาน เผ็ด และได้สัมผัสกรุบกรอบอีกด้วยค่ะ
  3. อิดลี (Idli) หรือ เค้กข้าวเผ็ด นิยมกินกันเป็นอาหารเช้าและอาหารว่างค่ะ มีที่มาจากทางตอนใต้ของอินเดีย แต่ปัจจุบันสามารถหาทานได้ทั่วไปแล้วค่ะ อิดลีทำจากข้าวและถั่วดำนำไปโม่เป็นแป้ง จากนั้นนำไปแป้งไปหมักไว้ค้างคืนก่อนนำไปนึ่งค่ะ กินคู่กับซัมบาร์(แกงผัก) หรือ ชัทนี่ย์
  4. เคบับ (Kebabs) อาหารที่หาทานได้ตามแผงลอยตามสตรีทฟู๊ดส์ของอินเดีย เคบับคืออาหารประเภทเนื้อต่างๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ ที่นำมาไปหมัก จากนั้นเสียบไม้และนำไปย่างร้อนๆหอมอร่อย ปรุงรสด้วยซอสและเครื่องเทศต่างๆ คล้ายๆบาบีคิวค่ะ 
  5. บาจี (Bhaji) มักจะทานกันเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของประเทศอินเดียค่ะ บาจี คือ หัวหอมทอดค่ะ โดยนิยมจิ้มกินกับชัทนี่ย์มะม่วงค่ะ
  6. นาน (Naan) อาหารหลักของชาวอินเดียที่คุณสามารถเจอได้ทั่วทั้งประเทศเลยค่ะ โดยนานจะเป็นแป้งที่ผสมกับ ยีสต์ เกลือ และโยเกิร์ต ทำให้แบนและนำไปนาบกับเตาดินจนสุก มักกินคู่กับแกงกะหรี่ และซอสชนิดต่างๆค่ะ
  7. บิรยานี (Biryani) คือ ข้าวหมกอินเดียค่ะ เป็นอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อุดมไปด้วยเครื่องเทศมากมายและสมุนไพรนานาชนิด เช่น หญ้าฝรั่น ลูกจันทร์เทศ ใบกระวาน ผักชี ทานคู่กับเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ เนื้อวัว แพะ แกะ แต่ที่เป็นที่นิยมในอินเดียจะเป็น ไก่ และ แกะ ค่ะ 

วัดถ้ำผาเด่นจังหวัดสกลนคร

ที่จังหวัดสกลนครมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่ประชาชนต่างนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมความงดงามและมาทำบุญไหว้พระขอพรจุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้น่าจะเป็นองค์พญานาคที่มีรูปร่างขนาดใหญ่หดตัวให้บังร่มเงาให้กับพระพุทธเจ้าแอ๋มยังมีสวยๆให้เราได้ชมและถ่ายรูปมากมายหลายมุมอีกด้วย

      ต้องบอกว่าณเวลานี้ไม่มีใครที่มาเที่ยวจังหวัดสกลนครแล้วจะไม่แวะมาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เพราะที่วัดถ้ำผาเด่นแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็น unseen ของจังหวัดสกลนครอยู่ในปัจจุบันนี้เลยทีเดียวโดยที่วัดแห่งนี้จะอยู่ระหว่างเทือกเขาภูพานและภูผายลโดยตัววัดจะอยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 17 กิโลเมตรด้วยกันชาวบ้านหลายๆคนมีความเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่นเคยมาธุดงค์ปักกลดเพื่อถือศีลภาวนาที่นี่ในช่วงปีประมาณพ.ศ 2483 สมบัติที่วัดถ้ำผาเด่นแห่งนี้หากมองดูดีๆแล้วแทบจะไม่เหมือนวัดเลยทีเดียว

ด้วยลักษณะของการตกแต่งสวนโดยรอบเป็นสวนดอกไม้ต้นไม้ที่มีสีสันสวยงามร่มรื่นแปลกตามีสีสันตัดกันไปไม่ว่าจะเป็นขาวแดงเขียวมีการสร้างน้ำตกจำลอง และยังมีการสร้างแบบจำลองรอยเท้าของพระพุทธบาทไว้ที่นี่อีกด้วยลักษณะของการตกแต่งจะมีการสร้างสิ่งสวยงามประดับประดาไว้ตามกฎหินต่างๆรวมถึงมีรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ที่ขดตัวอยู่ในสวนสวยแห่งนี้ใครที่มาท่องเที่ยวที่สถานที่แห่งนี้

รับรองได้เลยว่าคุณจะเพลิดเพลินอยู่ในวัดถ้ำผาเด่นแห่งนี้ตลอดทั้งวันไม่มีเบื่อด้วยบรรยากาศโดยรอบที่สวยงามมีมุมให้ถ่ายรูปได้มากมายรวมถึงอากาศที่เย็นสบายจากการที่เราได้รับจากน้ำและต้นไม้นานาพรรณที่ขึ้นครึ้มให้ความร่มรื่น และที่ขาดไม่ได้ที่เป็นจุดเด่นของวัดแห่งนี้อีกจุดหนึ่งก็คือจะมีการแกะสลักพระพุทธรูปไว้บนผาหินขนาดย่อมซึ่งมีการแกะพระพุทธรูปเรียงรายกันตลอด

ความยาวของหน้าผาหินแห่งนี้และด้านบนหน้าผาหินก็จะมีการสร้างเจดีย์สีทองขนาดใหญ่ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเจดีย์สีทองขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นตัวแทนของเขาพระสุเมรุหรือได้ว่าที่วัดแห่งนี้มีศิลปะอันงดงามแปลกตาให้เรามาชื่นชมได้อย่างมากมาย แล้วที่นี่นอกจากจะมีพญานาคที่คอยปกป้องพระพุทธเจ้าแล้วที่วัดแห่งนี้

ยังมีการสร้างรูปปั้นพญานาคไว้อีกมากมายหลายตัวซึ่งแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่และมีสีสันสวยงามแตกต่างกันไปบางตัวเป็นสีรุ้งบางตัวก็มีลักษณะของสีขาว ซึ่งถ้าหากใครที่ชื่นชอบความสวยงามของรูปปั้นพญานาคไม่ควรพลาดที่จะมาท่องเที่ยวที่วัดแห่งนี้หากวันหยุดไม่รู้จะไปที่ไหนลองแวะมาไหว้พระพุทธรูปที่นี่เพื่อขอพรรวมถึงมาถ่ายรูปสวยๆที่วัดถ้ำผาเด่นจังหวัดสกลนครกันดูนะคะ 

 

ให้การสนับสนุนเรื่องราวโดย  BK8

อาหารที่น่าลองเมื่อไปเที่ยวที่เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้

เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เกาะสุดแสนจะโรแมนติคและบรรยากาศดี๊ดีเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด เป็นเกาะที่มีเสน่ห์แบบท้องถิ่นและเต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามอุดมสมบูรณ์ ถึงแม้จะเป็นแค่เพียงเกาะเล็กๆแต่ก็ดึงดูดใจใครหลายๆคนได้

และจริงๆแล้วที่เกาะเจจูนั้นในเรื่องของอาหารก็มีอาหารที่อร่อยมากๆอยู่ด้วยเหมือนกันนะ เพราะถ้าหากมีโอกาสได้ลองมาที่นี่แล้วละก็เชื่อเหลือเกินว่า ที่นี่จะสร้างความประทับใจให้กับสาวกเกาหลีใต้อีกเมืองหนึ่งอย่างแน่นอน และจะทำให้เกาะเจจูนี้กลายเป็นอีกสถานที่ที่จะอยู่ในใจของคุณต่อจากเมืองหลวงโซล เมืองโอซาก้า และเมืองฮอกไกโดอย่างแน่นอน ซึ่งต่อไปเราจะมีลิสอาหารให้ดูว่าไปเจจูแล้วมีอาหารอะไรน่ากินบ้าง 

  1. ฮึกดเวจี (Heuk Dwaeji) หรือก็คือหมูดำค่ะ ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเจจูเลยค่ะ มีรสชาติอร่อยมากโดยเฉพาะเวลาเอามาปิ้งย่างค่ะ ฮึกดเวจีนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากถึงขนาดว่าที่เกาะเจจูนั้นมีการจัดตั้งถนนหมูดำขึ้นมาเลย โดยที่เกาหลีใต้นั้นหมูดำมีเพาะพันธ์ที่เจจูเท่านั้นอีกด้วยจึงทำให้เนื้อหมูดำมีราคาสูงกว่าเนื้อหมูธรรมดาๆทั่วไปค่ะ
  2. แฮมูลทัง (Haemultang) คือซุปหม้อไฟทะเลค่ะ เป็นเมนูอาหารท้องถิ่นของเกาะเจจู ค่อนข้างได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเป็นหม้อไฟรสเผ็ดที่อัดแน่นด้วยอาหารทะเลนานาชนิด เช่น เนื้อปลา กุ้ง ปู ปลาหมึกยักษ์  หอยแครง และก็ใส่ผักต่างๆลงไปด้วยทั้ง ผักกาด กะหล่ำปี เห็ด หัวไชเท้า ถั่วงอก ต้นหอม    
  3. หอยเป๋าฮื้อ (Abalone) ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่าการได้ไปลองกินหอยเป๋าฮื้อสดๆอร่อยที่เกาะเจจูอีกแล้วล่ะค่ะ โดยปกติแล้วในที่อื่นๆหอยเป๋าฮื้อถือเป็นอาหารที่มีราคาแพงมากแม้จะเป็นเป๋าฮื้อแบบกระป๋องก็ยังแพง แต่ที่เกาะเจจูนั้นหอยเป๋าฮื้ออยู่ใรเรทราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ หอยเป๋าฮื้อที่เจจูนั้นคุณสามารถเลือกกินได้หลายๆแบบเลยค่ะ ทั้งย่าง แล่เป็นซาชิมิ หรือ โจ๊กเป๋าฮื้อ
  4. ไอศกรีมถั่ว (Peanut Ice Cream) ของหวานอร่อยเย็นชื่นใจ หวานๆมันๆ เป็นที่ชื่นชอบกันอย่างมากแถมมีชื่อเสียงในท้องถิ่นอีกด้วย เพราะทำมาจากถั่วลิสงคุณภาพที่ปลูกบนพื้นที่ของเกาะเจจูที่มีอากาศและสภาพแวดล้อมที่ดีจึงทำให้ถั่วอร่อยมากๆค่ะ โดยจะเสิร์ฟมาเป็นซอฟท์ครีมรสวานิลลา topping ด้วยถั่วลิสงหั่นละเอียดมาแบบพูนๆ ถือเป็นเมนูที่ให้ความสดชื่นได้ดีหลังจากเที่ยวมาเหนื่อยๆเลย

 

สนับสนุนโดย  nowbet

สถานที่เที่ยวที่ควรไปให้ได้ 

สำหรับประเทศไทยแล้วถือได้ว่าเป็นเมืองของสวนสวรรค์ เชื่อกันว่าหากเกิดเมืองไทยแล้วคุณเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก เพราะนอกจากมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวอยู่อีกนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา หรือแม้แต่วัดวาอารามเต็มไปหมดหรือกล่าวได้ว่าหากเดินสายเที่ยวในเมืองไทยแล้วอายุแค่ไหนกันถึงจะเที่ยวรอบของเมืองไทยจนหมดสิ้นและในวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่เราควรจะต้องไปให้ได้หากเป็นคนไทยนั่นก็คือ

วัดพระแก้วหรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

สำหรับวัดพระแก้วนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2325และก็ยังเป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์แถมยังเป็นวัดที่ทรงสร้างขึ้นในสมัยของอยุธยาจากนั้นก็มีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดิน

เราจะเห็นได้ว่าภายในของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งจะมีอาคารที่สำคัญๆอยู่ แถมยังล้อมรอบด้วยอาคารนั้นเป็นจำนวนมาก และยังมีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งมีความสำคัญตามตำแหน่งต่างๆ

อ่าวมาหยา 

จะเห็นได้ว่าอ่าวมาหยานั้นมีชื่อเสียงที่ดีถึงระดับโลกอีกที่หนึ่ง และได้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่นำไปสร้างจึงทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นไปอีก อ่าวมาหยา (Maya Bay) ตั้งอยู่บนเกาะพีพีเลซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่โต โดยเป็นอันดับ 2 ของหมู่เกาะของพี่พี จังหวัดกระบี่ของเรานี่เอง จะเห็นได้ว่ามันเป็นเวิ้ง หรือเป็นอ่าวที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ล้อมรอบด้วยเขาที่เป็นหินปูน น้ำทะเลก็จะมีลักษณะเป็นสีใสใส ทำให้การมองเห็นนั้นทะลุไปยังพื้นทรายโดยการมองผ่านทางน้ำ สวนถาดทรายมีลักษณะเป็นหาดทรายละเอียดและมีสีขาว ทำให้ผู้คนที่ได้ไปสถานที่แห่งนี้ติดอกติดใจและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

หาดไร่เลย์

ไร่เลย์ อ่าวไร่เลย์ หรือ หาดไร่เลย์ตั้งอยู่ณอำเภอเมืองจังหวัดของกระบี่ของเรานี่เอง โดยอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา– หมู่เกาะพีพีซึ่งได้มีฉายานามว่าเป็นหมู่เกาะพีพีแห่งที่ 2 ของจังหวัดกระบี่ และยังเป็นหาดที่งดงามกว่าที่ไหนอีกด้วยสถานที่แห่งนี้มีหินผาที่สูงตระการตา และถือว่าเป็นแหล่งกีฬาปีนผาที่ลือชื่อจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างชาติก็พากันท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

ต้อนรับฤดูฝน ที่พรหณา รีสอร์ท

ต้อนรับฤดูฝน ที่พรหณา รีสอร์ท ที่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี  แหล่งท่องเที่ยวที่จะทำให้คุณชุ่มฉ่ำปอด

       สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มีกิจกรรมให้ทำและมีบรรยากาศสบายสบายในช่วงหน้าฝนแบบบนี้หรือหากใครที่ต้องการหาที่พักเพื่อไปสัมมนากับกลุ่มคนในบริษัท เรามีที่พักที่น่าสนใจและเจ้าของที่พักก็น่ารักและบริการแสนดีมาฝากกันค่ะ บอกได้เลยว่าคุณจะพบกับที่พักที่ตรงกับความต้องการของคุณทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยากได้ที่พักให้ใหญ่นอนรวมกัน หรือบ้านเดี่ยว

สำหรับคู่รัก แถมที่พรหณา รีสอร์ท แห่งนี้ก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธ์ มีการปลูกดอกไม้หลากสีเช้าเช้ามาเรามักจะเห็นผีเสื้อบินวนในสวนดอกไม้ ที่มีทั้งสีขาว สีเหลือง สีม่วง และสีชมพู เรียกได้ว่าเป็นสวนดอกไม้สีรุ้งเลยก็ว่าได้ และสำหรับที่ พรหณา รีสอร์ท แห่งนี้หากใครที่ต้องการพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม สัมมนาแล้วละก็ที่นี่จะมีพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเอาไว้ให้ทำกิจกรรมสัมมนา

หรือสำหรับให้นักเรียนนักศึกษามาทำกิจกรรมรับน้องกันโดยตรงได้เลยค่ะ  หากใครที่ต้องการออกกำลังในยามเย็นพร้อมกับชมความงามของสวนสวยและดอกไม้หลากสี ก็สามารถเดินออกกำลังกายหรือจะปั่นจักรยานชมรอบรอบรีสอร์ทก็ได้มีบริการจักรยายให้นักท่องเที่ยวได้ขี่ฟรี อาหารนี่ไม่ต้องพูดถึงรสชาติอร่อยถูกปากมาก เพราะมีรีวิวจากลูกค้าหลายคนที่เคยมาเที่ยวที่ พรหณา รีสอร์ท

แห่งนี้แล้วเกิดความประทับใจจนต้องบอกต่อต่อกัน และที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่มากก็คือ การล่องแก่งเรือยาง ซึ่งกิจกรรมนี้ถือเป็นไฮไลของพรหณา รีสอร์ท และเป็นไฮไลของแก่งกระจานเลยทีเดียว เพราะทีนี่จะขึ้นชื่อเรื่องความงามตามธรรมชาติข้างตลิ่งริมน้ำระหว่างที่เราล่องแก่งไปเราก็สามารถชมความงดงามของป่าเขาริมน้ำไปด้วยได้ อีกทั้งการเล่นล่องแพยางนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเล่นต่างก็พากันยืนยันว่ามันส์ และสนุกสุดสุดจริงจริง

เพราะขนาดลำน้ำที่กว้างใหญ่ของแม่น้ำเพชรบุรี และยังมีความเชี่ยวกรากของสายน้ำที่รอให้ผู้กล้ามาพิชิต โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับความตื่นเต้นตลอดระยะทางรวม 10 กิโลเมตร แบบไม่มีหยุด และหากใครไม่อยากมาล่องแก่งแล้วที่บริเวณที่พักในพรหณา รีสอร์ท จะมีริมแม่น้ำแพชรที่อยู่ติดกับรีสอร์ทจะมีหอโดดน้ำ สำหรับให้เล่นน้ำในรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำกันระหว่างวัน ซึ่งที่นี่การันตีไม่อันตรายเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล พร้อมกับห่วงยางให้นักท่องเที่ยวใช้เล่นน้ำฟรี

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

พิกัด ทะเลใกล้กรุงเทพ

เกาะเสม็ด วันหยุดหน้าไม่ทราบจะไปไหน เกาะเสม็ด ก็เป็นตัวเลือกที่สุดยอด ชักชวนกันไปเดินเที่ยวบนริมน้ำนุ่มๆหลายที่บนเกาะ ทั้งยังหาดทรายแก้ว อ่าวพร่าว อ่าววงเดือน ฯลฯเล่นน้ำทะเล หรือสน็อกเกิ้ล พักชิลๆริมหาดกับบ้านพักมากมายในราคาถูก ตกเย็นนั่งรับประทานซีฟู้ดสดๆชมโชว์ควงกระบองไฟ ไม่ว่าจะไปกับเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือคนรัก ก็ตอบโจทย์

หาดชะอำ เป็นอีกหนึ่งหาดทรายที่ได้รับความนิยมมากมาย เพราะว่ามีความสวยงาม รวมทั้งเหมาะกับกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำทะเล บานาน่าโบ๊ท ขี่ม้า ขี่จักรยาน พูดได้ว่าสามารถสนุกสนานได้ตลอดทั้งวันไม่น่าเบื่อ นอกนั้นยังมีร้านอาหารอร่อยๆหลายร้าน ให้ได้ลิ้มรสซีฟู้ดสดๆจากทะเล ทริปนี้สุขใจอิ่มท้องด้วยครบเลย

เกาะขาม แม้ว่าจะเป็นเกาะเล็กๆแต่ว่า เกาะขาม มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆทั้งยังน้ำทะเลใส หาดทรายสวย มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก อีกทั้งการเล่นน้ำทะเล เดินทอดน่องย่ำผืนทรายนุ่มๆนั่งเรือท้องกระจกดูต้นปะการัง หรือจะดำน้ำตื้นมองปะการังก็สนุกไม่แพ้กัน ยิ่งไปกว่านี้ห้ามพลาดจุมดูทิวทัศน์ซึ่งสามารถเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเลกว้างได้อย่างสวยงาม

เกาะแสมสาร ร่างกายปรารถนาทะเล แต่ว่ามีวันหยุดเพียงแค่ไม่กี่วัน พวกเราเลยขอชวนไปเที่ยวที่ชิลได้ใน 24 ชั่วโมงกับ เกาะแสมสาร ทะเลใกล้กรุงเทพมหานคร กันเลยจ้ะ ตรงนี้มีกิจกรรมดีๆทางทะเลให้ได้สนุกมากมาย อีกทั้ง ดำน้ำดูต้นปะการัง นั่งเรือท้องกระจก พายคายัค เล่นน้ำทะเลใสๆนอนอาบแดดบนชายหาดสีขาวนุ่มละเอียด บอกเลยว่าฟินสุดๆ

ชายหาดบ้านกรูด มีบรรยากาศที่สงบเงียบมากๆตลอดแนวริมหาดยาว 12 กิโลเมตร มีทรายสีขาวเนียนละเอียด เหมาะสมกับการเดินเที่ยวดูทะเล ชิลล์พักใกล้ชิดธรรมชาติ มีบ้านพักติดทะเลให้เลือกหลายที่ รวมทั้งร้านอาหารทะเลใหม่ๆราคาถูก คนไหนกำลังมองหาที่เที่ยวเงียบๆเป็นส่วนตัว จัดทริปไปหาดบ้านกรูดการันตีไม่ผิดหวัง

หาดเตยงาม ตั้งอยู่ที่อ่าวนาวิกโยธินที่ สัตหีบ จ้ะ ความดีงามของชายหาดนี้ก็คือ น้ำทะเลใส หาดทรายสวย และก็ความเงียบสงบนั่นเอง แล้วก็เนื่องจากว่าหาดอยู่ในเขตทหารเรือ ความปลอดภัยสูงสุดไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงจ้ะ รอบๆหาดทรายมีหอพักตรวจการณ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย เหมาะสมกับการมานั่งชิล เล่นน้ำริมชายหาดสุดๆ

หาดน้ำใส อีกหนึ่งชายหาดน่าท่องเที่ยว ตั้งอยู่ที่สัตหีบ ในความดูแลของกองทัพเรือจ้ะ ตรงนี้มีชายหาดขาวสะอาดน้ำทะเลสีฟ้าใส ทรายเนียนนุ่ม ทั้งยังยังสามารถลงเล่นน้ำได้ชิลๆอีกด้วย คนไหนที่ต้องการหาที่ชิลสบายๆในวันหยุดสั้นๆเสาร์-อาทิตย์นี้ ก็ขับขี่รถชิลๆไปได้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร เพียงแค่นั้น

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ชมปราฏการณ์แสงอาทิตย์ผ่านประตู

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำจังหวัด บุรีรัมย์ ที่ไม่ว่าใครไปเยือนก็จำต้องคิดถึง แล้วก็ยังเป็นเครื่องหมายของสโมสรบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกด้วย ซึ่งก็คือ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ค่ะ แล้วก็ในทุกๆปี จะมีช่วงวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเปล่งแสงลอดประตูทั้ง 15 บานพอดิบพอดี เป็นภาพที่สวย น่าประทับใจ จนครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องมาเห็นด้วยตาตนเองให้ได้ เนื่องจากว่าการรับแสงตะวันที่พาดผ่านศิวลึงค์ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางปราสาท เป็นการเสริมพลังชีวิต แล้วก็ความเป็นศิริมงคลอีกด้วย ตามพวกเราไปดูกันเลย

ที่เที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทพนมรุ้ง

สำหรับปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่พนมรุ้งนั้น จะกำเนิดทุกๆปี ปีละ 4 ครั้ง ซึ่งจะตรงกับวันที่ 5-7 เดือนมีนาคม, 3-5 เดือนเมษายน, 8-10 เดือนกันยายน รวมทั้ง 5-7 เดือนตุลาคม

ศาสนสถานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับแล้วค่ะ รอบๆที่ตั้งของปราสาทพนมรุ้งอาจเคยเป็นที่ตั้งของศาสนพื้นถิ่นมาก่อนที่จะมีการก่อสร้างขึ้นเป็นปราสาท ถ้าหากคนไหนได้ไปเยี่ยมจังหวัดบุรีรัมย์ พวกเราแนะให้ลองไปเดินเล่นดูจ้ะ เนื่องจากว่าด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่ รวมทั้งมีสิ่งสวยงามในอดีตกาลที่ยังคงอยู่ให้พวกเราดู พร้อมทั้งประติมากรรมชื่อดัง หนึ่งเดียวในโลกอย่าง ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ทำขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ เทพเทวดาสูงสุดในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งก่อสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-18 ทำให้มีความสวยงามในด้านของสถาปัตยกรรมจะต้องพูดว่าถ้าเกิดเดินชมไป ฟังเรื่องราวของสถานที่ไป การันตีว่าข้างในวันเดียวเที่ยวไม่ทั่วจริงๆจ้ะ เนื่องจากว่ามีประวัติแล้วก็เรื่องราวน่าสนใจมากมายจริงๆ

ประวัติปราสาทพนมรุ้ง

ชื่อ “ปราสาทพนมรุ้ง” เป็นชื่อเริ่มแรกของโบราณสถานที่นี้ คำว่า พนมรุ้งปรากฏอยู่ในศิลาจารึก ที่พบที่ปราสาทแห่งนี้จารึกพนมรุ้ง หลักที่ 2 หลักที่ 4 แล้วก็ K10900 จารึกว่า พนมรุ้งเป็นชื่อเทวสถานที่มีขอบเขตกว้างใหญ่ มีที่ดิน หมู่บ้าน เมือง ปราสาทแห่งนี้รู้จักกันคราวแรก ตามที่มีเอกสารที่มีการพูดถึงคือ บันทึก ของ Etienne Aymonier ชาวประเทศฝรั่งเศสในปี พุทธศักราช 2428 ตีพิมพ์เป็นบทความใน พุทธศักราช 2445

ปี พุทธศักราช 2449 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จมาที่ ปราสาทพนมรุ้ง คราวเสด็จมณฑลอีสาทและก็เสด็จอีกครั้งในปี พุทธศักราช 2472 กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทพนมรุ้งเป็นโบราณสถานของชาติประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ในตอนที่ 75 วันที่ 8 เดือนมีนาคม พุทธศักราช 2478 แล้วก็ปี พุทธศักราช 2503-2504 ได้ดำเนินการสำราจปราสาทพนมรุ้งอีกรอบ ถัดมาใน พุทธศักราช 2514 ได้เริ่มดำเนินการบูรณะปราสาทพนมรุ้งด้วยวิธีอนัสติโลซิส (Anastylosis เป็น การนำชิ้นส่วนของปราสาทกลับเข้าสู่ตำแหน่างเดิม) เปิดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ในวันที่ 21 พ.ค. พุทธศักราช 2531 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน